สาระความรู้ทั่วไป

การเปรียบเทียบค่าเงินที่สำคัญ THB : USD ผลกระทบของความแข็งแรงหรือความอ่อนแอในการค้าแลกเปลี่ยน

ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (THB/USD) ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา (มกราคม 2565 – มกราคม 2566) เคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า โดยในช่วงต้นปี 2565 ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ในช่วงปลายปี 2565 ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงแตะระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

  • ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในสหรัฐอเมริกา ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
  • เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนต่างชาติลดการถือครองสินทรัพย์ในประเทศไทย
  • ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ผลกระทบของความแข็งแรงหรือความอ่อนแอในการค้าแลกเปลี่ยน

ความแข็งแรงหรือความอ่อนแอของค่าเงินบาทจะมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจต่างๆ ของไทย ดังนี้

ภาคการส่งออก

เมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะส่งผลให้สินค้าและบริการของไทยมีราคาถูกลงสำหรับประเทศคู่ค้า ทำให้การส่งออกของไทยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นเช่นกัน

ภาคนำเข้า

เมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะส่งผลให้สินค้าและบริการที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศมีราคาแพงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตของไทยมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิต

ภาคการท่องเที่ยว

เมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีรายได้มากขึ้น ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย

ภาคการเงิน

เมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะส่งผลให้หนี้สินต่างประเทศของไทยมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว

ความแข็งแรงหรือความอ่อนแอของค่าเงินบาทจะมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจต่างๆ ของไทยทั้งในด้านบวกและด้านลบ ดังนั้น ภาครัฐและภาคเอกชนควรติดตามสถานการณ์ค่าเงินอย่างใกล้ชิด และเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น